แหลมสมิหลา

อยู่ถัดจากแหลมสนอ่อนลงมาทางใต้ มีถนนเลียบชายหาดและทิวสนร่มรื่นตลอดแนว ริมหาดมีรูปปั้นนางเงือกนั่งอยู่บนโขดหิน เรียกกันว่า “เงือกทอง” ถือเป็นสัญลักษณ์ของหาดนี้ ห่างจากรูปปั้นนางเงือกไปไม่ไกล มีรูปปั้นแมวและหนู ซึ่งบอกเล่าตำนานของเกาะหนูเกาะแมว เป็นเกาะที่สามารถเห็นได้ชัดเจนจากหาดสมิหลา

ตามตำนานกล่าวว่า “มีพ่อค้าชาวจีนผู้หนึ่ง คุมเรือสำเภาเดินทางมาค้าขายระหว่างจีนกับสงขลาเป็นประจำ วันหนึ่งพ่อค้าผู้นี้ได้ซื้อสุนัขกับแมวลงเรือไปเมืองจีนด้วย สุนัขกับแมวอยู่บนเรือนาน ๆ เกิดความเบื่อหน่าย จึงปรึกษาหาวิธีที่จะกลับบ้าน และได้ทราบว่าพ่อค้ามีดวงแก้ววิเศษที่ทำให้ไม่จมน้ำ แมวจึงคิดอุบาย โดยให้หนูไปขโมยแก้ววิเศษของพ่อค้ามา หนูจึงขอหนีขึ้นฝั่งไปด้วย ทั้งสามลงจากเรือและว่ายน้ำหนี โดยที่หนูอมดวงแก้วไว้ในปาก ขณะนั้นหนูนึกขึ้นได้ว่าถ้าถึงฝั่งแล้ว สุนัขกับแมวคงจะแย่งเอาดวงแก้วไป หนูจึงคิดที่จะหนี ส่วนแมวซึ่งว่ายตามหลังมาก็คิดเช่นกัน จึงว่ายน้ำไปหาหนู หนูตกใจว่ายน้ำหนีและไม่ทันระวังตัว ดวงแก้ววิเศษที่อมไว้จึงตกลงจมหายไปในน้ำ หนูและแมวต่างก็หมดแรงจมน้ำตายกลายเป็นเกาะหนูเกาะแมวอยู่ที่อ่าวหน้าเมือง ส่วนสุนัขว่ายน้ำไปจนถึงฝั่ง แต่ด้วยความเหน็ดเหนื่อยจึงสิ้นใจตายกลายเป็นหินอยู่บริเวณเขาตังกวนริมอ่าวสงขลา และดวงแก้ววิเศษที่หล่นจากปากหนู ได้แตกละเอียดกลายเป็นหาดทรายแก้วอยู่ทางด้านเหนือของแหลมสน” จากตำนานนี้ ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาหาดสมิหลา จนมีคำกล่าวว่า “ใครมาเยือนสงขลาแล้วไม่มาเยือนสมิหลา เหมือนมาไม่ถึงสงขลา”

 


image รูปภาพ
image

Line

คะแนนโหวต :
StarStarStarStarStar